เครื่องสำอางในท้องตลาดทุกวันนี้มักผสมชิมเมอร์เข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มความแวววาวสดใสให้กับสาวๆ ที่รักการแต่งหน้าทั้งหลาย ในที่นี้อาจมีสาวๆ หลายคนที่ยังไม่รู้ว่าชิมเมอร์คืออะไร ชิมเมอร์มีกี่ประเภท และมีความแตกต่างกันอย่างไร ชิมเมอร์ คือ ประกายแวววาวที่ผสมอยู่ในเครื่องสำอางชนิดต่างๆ ช่วยให้การแต่งหน้าให้ผิวดูฉ่ำวาวได้ลุคดิวอี้ แบบเทรนด์สาวเกาหลี นั่นเองค่ะ เทคนิคความงามวันนี้ขอเสนอประโยชน์และจุดเด่นของชิมเมอร์ คือ ช่วยเพิ่มความแวววาวบนใบหน้า หรือช่วยให้ใบหน้าดูผ่องสว่างสดใสขึ้น มักผสมอยู่ในรองพื้น บีบีครีม เบส แป้งฝุ่นหรือแป้งอัดแข็ง ลิปสติก บรัชออน ครีมกันแดด และโลชั่นบำรุงผิวต่างๆ การแต่งหน้าด้วยการแต่งแต้มเครื่องสำอางที่มีชิมเมอร์ผสมอยู่ด้วยเล็กน้อย จะช่วยให้เมคอัพที่ได้มีสีสันไม่ซ้ำซากจำเจ ช่วยให้หน้าสว่างนวลเวลาแสงตกกระทบบนใบหน้า และยังช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ลงได้ด้วย แต่การเลือกใช้ชิมเมอร์มีข้อควรระวังคือ หากใช้มากเกินไปหรือไม่เหมาะกับสีผิวแทนที่จะสวยใสก็อาจจะดับได้เช่นกันค่ะ
เคล็ดลับการทาชิมเมอร์ คือ “น้อยแต่มาก” เราไม่จำเป็นต้องแต้มเครื่องสำอางค์ที่มีเนื้อชิมเมอร์ไปทุกส่วนบนใบหน้า
อาจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ใบหน้า ตา หรือริมฝีปาก และควรเน้นไปบนจุดที่แสงจะตกกระทบบนใบหน้า
เช่น หน้าผาก โหนกแก้ม เป็นต้น
เลือกใช้ชิมเมอร์ให้เหมาะกับผิวและความต้องการ
ดังนี้
- หากไม่ชอบให้หน้าฉ่ำมากอาจเลือกใช้แค่โลชั่นที่ผสมเนื้อชิมเมอร์และแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางค์เนื้อปกติ
- ใช้ชิมเมอร์เนื้อครีมหากชอบให้ใบหน้าแวววาวปานกลาง
- ใช้ชิมเมอร์เนื้อฝุ่นหรือผง หากต้องการความแวววาวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเวลาโดนแสงไฟตกกระทบ
- สาวที่มีผิวมันและมีรูขุมขนกว้างไม่เหมาะที่จะใช้เครื่องสำอางแบบมีชิมเมอร์ แต่ก็สามารถใช้ได้ในปริมาณที่น้อยๆ ก็จะช่วยให้หน้าผ่องขึ้นได้ หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะยิ่งทำให้หน้าดูมันมากขึ้นและเน้นรูขุมขนให้กว้างขึ้นไปอีกด้วย
Credit ภาพ : httpwww.secretsbehindtheclosetdoor.com, phasinphoto
No comments:
Post a Comment